ปราสาทมัตสึเอะ 松江城

ปราสาทมัตสึเอะซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 ปราสาทดั้งเดิม และหนึ่งใน 5 มรดกชาติ จะให้คุณมีโอกาสได้สำรวจประวัติศาสตร์ซามูไรที่แสนวิเศษ

สามารถเดินทางจากสถานีมัตสึเอะไปปราสาทมัตสึเอะ ได้ทั้งโดยรถไฟ รถบัส และเครื่องบิน

คุณสามารถขึ้นรถไฟหัวกระสุนจากโตเกียวไปโอคายาม่า จากนั้นจึงเปลี่ยนไปขึ้นเจอาร์สายด่วนพิเศษยาคูโมะเพื่อเดินทางไปยังสถานีมัตสึเอะ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณหกชั่วโมง สามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟกลางคืนซันไรซ์อิซุโมะจากโตเกียวและรถบัสกลางคืนด้วยเช่นกัน สนามบินที่อยู่ใกล้ ๆ จะมีเที่ยวบินจากโตเกียวทุกวัน

ปราสาทห่างจากสถานีมัตสึเอะแค่สองกิโลเมตร และรถบัสหลายสายก็ผ่านตรงทางเข้าปราสาท วิธีที่สะดวกที่สุดคือรถบัสคุรุตโตะเลคไลน์ลูปซึ่งจะมีบัตรรถโดยสารแบบวันเดย์พาสซึ่งช่วยให้คุณสามารถไปเยี่ยมชมจุดต่าง ๆ ในเมืองแห่งปราสาทนี้ได้ด้วยราคาไม่แพง

ปราสาทนี้เป็นปราสาทดั้งเดิมที่เหลือรอดและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักในนามปราสาทโพลเวอร์เพราะรูปทรงและผนังที่มีสีดำ ที่นี่ก่อสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1611 นับแต่ได้ย้ายเมืองหลวงมาตรงนี้

ตระกูลมัตสึไดระซึ่งเป็นลูกหลานโดยตรงของโชกุนโทกุกาวะ อิเอยาซุ (ค.ศ. 1546 - 1616) ได้ ได้ปกครองปราสาทมาอย่างเนิ่นนาน และผู้นำตระกูลอันดับที่เจ็ด มัตสึไดระ ฮารุซาโตะ(หรือที่รู้จักกันในนามท่านฟูไม) ผู้สนับสนุนพิธีชงชาก็เป็นผู้ที่รับผิดชอบในการทำให้มัตสึเอะกลายเป็นหนึ่งในสามของศูนย์กลางศิลปะการชงชา

เมื่อคุณได้สำรวจพื้นต่าง ๆ ภายในปราสาทบนแผ่นไม้สีดำและบันไดเก่าแก่ที่มีประวัตินับศตวรรษ คุณสามารถชมปราสาทเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่ซึ่งเก็บรักษาไว้โดยมีบ่อน้ำอยู่ข้างในซึ่งสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ คุณจะได้เห็นสถาปัตยกรรมโครงสร้างปราสาทไม้ที่ซับซ้อนได้อย่างใกล้ชิด

และสามารถมองลงมาเห็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมารอบ ๆ ปราสาทไปจนถึงทะเลสาบชินจิแบบทั่วถึง 360 องศา

ที่ดินรอบปราสาทในปัจจุบันมีชื่อว่าสวนสาธารณะโจซันซึ่งเปิดให้เข้าชมได้ฟรี หลายเส้นทางจะวนใต้กำแพงหินชันของปราสาท เนินไม้ และคูน้ำ ทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เงียบสงบ ในฤดูใบไม้พลิ นิยมใช้สถานที่นี้เป็นจุดชมดอกซากุระ

ในสวนสาธารณะมีศาลเจ้าสามแห่ง แต่แห่งที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้คือศาลเจ้าที่อยู่หลังปราสาทตามเส้นทางที่ดูเงียบงัน ศาลเจ้าโจซังอินาริจินจะเป็นศาลเจ้าโปรดของนักเขียนที่ชื่อราฟคาดิโอ ฮาน โดยบ้านของเขาอยู่อีกฝั่งของคูน้ำ สำรวจศาลเจ้าแล้วคุณจะได้พบกับรูปปั้นคิตสึเนะหรือจิ้งจอกส่งสารของเทพอินาริซึ่งเป็นที่เคารพบูชากันในศาลเจ้าแห่งนี้

ศาลเจ้าโจซังอินาริจินจะเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของงานโฮรังเอ็นยะมัตสึริซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นสามวัน โดยเทศกาลนี้จะจัดให้มีเรือแฟนซีที่มีนักดนตรีเล่นดนตรีอยู่บนเรือ เป็นหนึ่งในสามเทศกาลเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เทศกาลนี้จะจัดขึ้นทุก ๆ 10 ปีซึ่งครั้งถัดไปจะจัดในปี ค.ศ. 2029 แต่คุณก็สามารถไปที่พิพิธภัณฑ์โฮรังเอ็นยะเพื่อศึกษาและดูวิดีโอเกี่ยวกับงานอีเวนต์ที่มีผู้คนมากันอย่างพลุกพล่านนี้

ภายในที่ดินปราสาทยังมีโคอุนกากุซึ่งเป็นคฤหาสน์ไม้สไตล์ตะวันตกที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2446 เพื่อเป็นที่พำนักของจักรพรรดิเมจิเมื่อครั้งที่เสด็จมาเยี่ยมเยียนมัตสึเอะในช่วงที่ทัวร์ดูงานภายในประเทศ จักรพรรดิไม่เคยมาพำนักที่นี่ แต่โอรสของจักรพรรดิ เจ้าชายโยชิฮิโตะ หรือว่าที่จักรพรรดิไทโชได้เคยมาพำนักที่นี่เป็นเวลาสามวันเมื่อปี พ.ศ. 2450

ชั้นแรกจะจัดแสดงประวัติศาสตร์มัตสึเอะ ส่วนชั้นที่สองจะมีห้องหรูหราซึ่งเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งดั้งเดิมทีคู่ควรแก่พระราชวงศ์

หลังหรือก่อนการเยี่ยมชมปราสาท แนะนำให้คุณลองมาแล่นเรือเล็ก ๆ ตามคูคลองรอบ ๆ ดู เพราะจะทำให้คุณได้เห็นปราสาทจากทุกมุมมอง และได้เห็นย่านซามูไรแห่งถนนชิโอมินาวะเตะ อีกด้วย

จุดขึ้นเรือมีอยู่หลายจุดโดยที่คุณสามารถฟังออดิโอไกด์ประวัติศาสตร์ตามจุดต่าง ๆ ที่แล่นไปได้โดยไม่เสียค่าบริการ เรือจะมีหลังคากันฝนและในฤดูหนาวก็จะมีโต๊ะโคทัตสึซึ่งเป็นโต๊ะที่มีฮีทเตอร์ด้านล่างคลุมด้วยผ้าห่มไว้กันหนาว

ตั้งแต่เดือนตุลาคม จะมีการประดับไฟที่ปราสาทในตอนกลางคืน และตลอดทั้งเดือนก็จะมีตะเกียงกระดาษนับพันเรียงรายอยู่ตามคูน้ำและที่ดินปราสาท เรือโฮริคาวะก็จะมีการเปิดไฟล่องเรือรอบเย็นพิเศษในช่วงนี้

ในวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม เทศกาลตีกลองที่มีเอกลักษณ์จะถูกจัดขึ้นที่ปราสาท คุณจะได้เห็นกลองไทโกะที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ประมาณสองเมตรเคลื่อนไปตามถนนและทุกคนรวมถึงนักท่องเที่ยวก็สามารถเข้ามาร่วมตีกลองกันได้